อย่างที่เราทราบกันดีค่ะสาวๆว่า วิตามินซี นั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและทำหน้าที่ช่วยดูแลหลายอย่าง เช่น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยแห่งวัย อีกทั้งยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย ยิ่งเรากินวิตามินอย่างต่อเนื่องเป็นประจำยิ่งส่งผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน! แต่เชื่อไหมว่าด้วยยุคนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป ส่วนไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองมากนัก บางคนอาจจะหลงลืมการเติมวิตามินหรืออาหารเสริม การฉีดวิตามินจึงเป็นอีกทางเรื่องหนึ่งที่ทำให้ร่างกายได้รับสารวิตามินโดยตรง และเป็นอีกทางเรื่องหนึ่งที่ดีและง่ายต่อการใช้ชีวิต วันนี้ผู้เขียนจึงอยากรวบรวมข้อมูลและไขข้อสงสัยว่า แบบฉีด VS แบบกิน แบบไหนจะดีกว่ากันค่ะ
โปรแกรมวิตามินผิว คืออะไร?
เป็นการเติมวิตามินโดยการฉีดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำสารบำรุงที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายโดยผ่านหลอดเลือดดำทางสายน้ำเกลือ วิตามินแบบฉีดมีอยู่ 2 แบบ คือ
1.การดริปวิตามินด้วยเข็มไซริงค์ (IV Boost)
เป็นวิธีการเติมวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงในปริมาณ 10 cc วิธีนี้ใช้เวลาค่อนข้างเร็วกว่าการดริปวิตามินแบบน้ำเกลือ แต่ทว่าอาจจะมีสาวๆหลายๆคนที่ไม่ชอบวิธีนี้เพราะด้วยตัววิตามินที่เข้มข้นมาก เมื่อขณะที่ฉีดเข้าเส้นเลือดอยู่นั้นอาจจะทำให้ปวดๆ แสบๆ บริเวณเส้นเลือดที่ฉีดได้ค่ะ
2.การดริปวิตามินผิวแบบน้ำเกลือ (Iv Drip)
วิธีนี้เป็นการผสมวิตามินและแร่ธาตุเข้ากับน้ำเกลือ โดยวิตามินจะเข้าสู่ร่างกายโดยตรง จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินไปใช้ได้ทันที
ส่วนแบบกินก็จะมีอยู่ 2 แบบ เช่นกัน
1. วิตามินมาตรฐาน ซึ่งเป็นวิตามินที่ปรุงสูตรแบบสำเร็จแล้ว สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป แต่ข้อเสียคือปริมาณที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ถ้าสาวๆขาดวิตามินค่อนข้างเยอะก็อาจจะต้องกินอาหารเสริมบำรุงเป็นกำๆกันเลยทีเดียวค่ะ
2. วิตามินแบบเฉพาะบุคคล วิตามินที่แพทย์เฉพาะทางเลือกกำหนดส่วนผสมและปริมาณขึ้นมาโดยเฉพาะให้เหมาะสมกับคุณ
โปรแกรมวิตามินผิว ฉีด VS กิน ต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมวิตามินแบบฉีด นั้นร่างกายจะสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าสู่ระดับเซลล์โดยไม่ผ่านการทำงานของตับ วิตามินที่ร่างกายได้รับเข้าไปจะเข้าไปช่วยฟื้นฟู บำรุงผิวพรรณได้อย่างรวดเร็วแล้วมีประสิทธิภาพมากๆค่ะ
วิตามินแบบรับประทาน วิธีนี้เป็นวิธีที่สาวๆทุกคนนิยมรับประทานมากๆ แต่รู้หรือไม่คะ ว่าการกินวิตามินกว่าร่างกายจะนำสารอาหารและคุณประโยชน์ต่างๆมาใช้ได้นั้น ต้องผ่านการทำงานของตับและลำไส้ และความสามรถในการดูดซึมได้เพียงแค่ 50% ของวิตามินที่รับประทานไปค่ะ
โปรแกรมวิตามินผิวแบบฉีดเหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่ปัญหาภูมิแพ้เรื้อรัง
- ผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานอาหารครบ 5 หมู่
- ผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- ผู้ที่ต้องฟื้นฟูผิวพรรณแบบเร่งด่วน
- ผู้ที่พักผ่อนน้อยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ปัญหาผิวแห้ง
- เหมาะกับคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้น
- ผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง
จบไปแล้วกับข้อมูลและสาระดีๆในวันนี้ที่ผู้เขียนรวบรวมมาให้ หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับสาระดีๆจากบทความนี้นะคะ ถึงอย่างไรก็ตามทั้งสองวิธีนี้ก็สามารถทำควบคู่กันได้ค่ะ หากเราทำโปรแกรมฉีดวิตามินผิวไปแล้ว ก็สามารถเลือกกินวิตามินเพิ่มเติมเสริมประสิทธิภาพของวิตามินที่ฉีดเข้าไปได้เหมือนกันค่ะ แต่ก่อนจะจากกันไปของฝากไว้สักนิดว่า ควรจะเข้ารับบริการหรือปรึกษากับคุณหมอโดยตรง เพราะคุณหมอจะสามารถแนะนำและแก้ไขปัญหาของเพื่อนๆได้อย่างตรงจุด ดีกว่าการไปหาฉีดวิตามินผิวกับหมอกระเป๋าก็อาจจะเกิดการติดเชื้อได้ค่ะ