นวัตกรรมรักษาหลุมสิวแบบใหม่ที่สามารถรักษาได้ด้วยแบบเลเซอร์ ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ด้วย Erbium:YAG Laser
ทำไมต้องรักษาหลุมสิว? (Atrophic Scars) เป็นรอยแผลเป็นจากการอักเสบของสิวหลังจากสิวหาย มักมาจากสิวอักเสบที่ลงลึกถึงผิวชั้นใน เช่น สิวหนอง สิวหัวช้างขนาดใหญ่ จนแผลไม่สามารถสมานได้เต็มที่ เนื่องจากเกิดพังผืดที่ดึงรั้งทำให้ผิวหนังยุบลงไปตามกระบวนการรักษาแผลของร่างกาย ทำให้เห็นเป็นรอยบุ๋มในผิว ผิวไม่เรียบเนียนเท่ากัน และเป็นหลุมลึกบนใบหน้า รักษายาก รักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติก็ไม่เห็นผล การรักษาด้วยนวัตกรรมเลเซอร์ Erbium:YAG Laser จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับนิยมเป็นอย่างดี
ข้อดีของการใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิว คือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สร้างเซลล์ใหม่ ผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวชั้นบนเรียบเนียนขึ้น ส่งผลให้หลุมสิวตื้นขึ้น และลดปัญหารูขุมขนกว้างได้ โดยทั่วไปจะต้องทำ 4-6 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยเว้นระยะห่างในการรักษาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้ชั้นผิวมีระยะเวลาการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่มาทดแทนผิวที่เสียหาย
Erbium:YAG Laser คืออะไร?
Erbium:YAG Laser คือเลเซอร์ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว รักษาริ้วรอย แผลหลุมสิว ปัญหารูขุมขนและลบริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ โดยการใช้พลังงานแสงที่เข้มข้น ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเมื่อลงไปยังชั้นหนังแท้ ใช้พลังงานงานแสงความเข้มสูงที่คลื่นความยาว 2,940 nm ซึ่งเป็นช่วงที่มีความจำเพาะเป็นพิเศษกับน้ำในชั้นผิว ทำให้สามารถผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่ ( Resurfacing ) ที่ผิวชั้นบนโดยไม่เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อส่วนอื่นได้ในทุกสีผิว ด้วย MicroSpot handpiece ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไมโครเลนส์ชนิดพิเศษที่ทำให้เกิดลำแสงเลเซอร์เลเซอร์ขนาดเล็กถึง 169 MicroSpots ในการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง และยังสามารถตั้งค่าและควบคุมการรักษาได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นให้หนังแท้สร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งเส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมานี้จะช่วยให้ผิวเรียบเนียน และแผลหลุมตื้นขึ้น การทำงานของเครื่องเลเซอร์ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ส่งพลังงานแสงไปยังเนื้อเยื่อเป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชั้นหนังกำพร้า จึงทำให้เกิดแผลหลังการรักษาน้อยมาก
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
– ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
– หากมีการแพ้ยา แพ้อาหาร มีโรคประจำตัว มีตัวยาที่รับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
– งดทาครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 2-3 วันก่อนรับบริการ
– งดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน 2-3 วันก่อนทำเลเซอร์
– งดกิจกรรมที่ต้องตากแดดเป็นเวลานาน เช่น ไปเที่ยวทะเล หรือเล่นกีฬากลางแจ้งในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
– ควรงดการกำจัดขนด้วยเครื่อง Electrolysis ก่อนการเลเซอร์อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
การรักษา
ใช้เวลารักษา 15 – 20 นาที เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของการรักษา ควรทำการรักษาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันนาน 3-5 ครั้ง ในทุกๆ 1 เดือน ซึ่งจะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การรักษาครั้งแรก ขนาดหลุมสิวจะมีขนาดเล็กลง ผิวจะเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น ร่องรอยเล็กๆบนใบหน้าจะลดเลือนและจางหายไป ผิวของคุณแลดูอ่อนเยาว์ และกระชับมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติเผยผิวเรียบเนี่ยนได้โดยไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป
การดูแลหลังรับบริการ
– ภายใน 1-2 วันหลังรับบริการ จะเกิดการผลัดเซลล์ผิว ควรรอให้ผิวตกสะเก็ดไป 3-5 วันก่อนจะทาครีมได้ตามปกติ
– ผิวมักจะบวมภายใน 2-3 วันหลังรับบริการ โดยเฉพาะวันแรกและบริเวณรอบดวงตา คืนแรกจึงควรนอนยกศีรษะสูง
– ประคบเย็นบริเวณที่ทำเลเซอร์ 5-10 นาทีในทุกชั่วโมงในช่วง 1-2 วันแรกหลังรับบริการ
– ผิวอาจแดงขึ้นและอยู่นานถึง 1 สัปดาห์ แต่สามารถใช้เครื่องสำอางกลบสีผิวที่แดงขึ้นได้ทันทีหลังรับบริการ
– อาจมีผิวแห้งและลอก ซึ่งมักหายไปภายใน 1 สัปดาห์ ควรทาครีมหรือโลชั่นเพื่อช่วยให้ผิวไม่แห้งจนเกินไป
– หากผิวถลอกเป็นแผลหลังรักษา ให้ทาครีมหรือโลชั่นเพื่อทำให้ผิวบริเวณนั้นชุ่มชื้น ควรทาบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องติดพลาสเตอร์บริเวณแผล ห้ามแกะเกา แผลจะหายไปเองในเวลาไม่นาน
– หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยกางร่มหรือสวมหมวกปีกกว้าง
– ไม่ควรไปอาบแดด ซาวน่า หรือถูกความร้อนจัดๆ
– ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่น้อยกว่า 50 เป็นประจํา
– ไม่ควรทาครีมมีส่วนผสมของวิตามิน A วิตามิน C หรือครีมกลุ่ม AHA
– ไม่ควรล้างหน้าโดยการถูแรงๆ และล้างแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น จะได้ไม่ทำให้ผิวหน้าระคายเคือง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
– อาจเกิดเป็นสะเก็ดเล็กๆ หรือรอยดำในบริเวณที่ทำ หากกังวลสามารถปรึกษาแพทย์ให้มั่นใจก่อนทำ
– ผิวหนังบริเวณที่เลเซอร์อาจจะแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังทำ แต่จะหายได้เองภายในไม่กี่วัน
– อาจมีอาการเจ็บและแสบร้อน สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบด้วยน้ำเย็น
– ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจมีสีเข้มขึ้นแต่จะค่อยๆ จางลงไป