ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นก่อนวัยเกิดจากอะไร? และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้ยังไงดี ?

 

ผิวหย่อนคล้อย แก่ก่อนวัย แก่ก่อนวัย แก้ไข้ได้ มีวิธี

ด้วยกิจกรรมที่ใช้ชีวิตแบบหักโหม ทำงานหนัก นอนดึก ทำให้บางคนอาจจะไม่มีเวลาที่ดูแลตัวเอง พออายุเข้าเลขสาม ก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าที่ตามมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว อยู่ๆผิวก็ขาดน้ำ ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยก็ตามมาและยังมีไขมันส่วนเกินเช่น เหนียง ที่เป็นมาของสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ผิวเราคล้อย ผิวขาดน้ำ ขาดคอลลาเจน หรือมีความหย่อนคล้อย หลัก ๆ คือการที่ผิวขาดคอลลาเจน (Collagen) นั่นเอง โดยการที่ผิวขาดคอลลาเจนเช่นนี้มีผลเสียหลายอย่างที่ตามมาได้ทีเดียวค่ะ มาลองทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันค่ะว่าจะมีวิธีไหนที่สามารถแก้ไขปัญหาหย่อนคล้อยและสลายไขมันส่วนเกินให้กับคุณได้บ้าง…

ผิวหย่อนคล้อย ก่อนวัย เกิดจากอะไร?

ความหย่อนคล้อยลักษณะนี้เกิดจากอายุที่เริ่มมากขึ้น โครงสร้างผิวหนังโดยเฉพาะชั้นหนังแท้เริ่มสูญเสียเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแรง ความกระชับ และความยืดหยุ่นของผิวหนัง เมื่อโครงสร้างค้ำยันผิวไม่แข็งแรง ผิวจึงเกิดริ้วรอยและหย่อนคล้อย

สำหรับบริเวณชั้นรอยต่อระหว่างผิวชั้นบนกับผิวชั้นหนังแท้จะยุบตัวแบนลง เป็นผลให้ผิวได้รับสารอาหารหรือวิตามินน้อยลง ทำให้ผิวอ่อนแอลงและเสื่อมได้ง่าย และยังทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวมีประสิทธิภาพแย่ลงอีกด้วย

ส่วนผิวชั้นใต้ผิวหนัง บริเวณชั้นไขมันจะบางลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากทั้งภายนอกและภายในที่รุมเร้าให้ผิวเสื่อมหย่อนคล้อยเร็วกว่าก่อนวัย
และปัญหาไขมันสะสมบนใบหน้าเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งกรรมพันธุ์ การทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ และอายุที่มากขึ้น เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น โครงสร้างของกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมันบนใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป ไขมันที่เคยเกาะกลุ่มแน่นตึงบนใบหน้าจะเริ่มสลายไป จากนั้นจะเคลื่อนตัวลงล่างมารวมกันบริเวณช่วงล่างของใบหน้า ทำให้เกิดแก้มห้อย คอเหนียง คาง 2ชั้น หน้าบาน ซึ่งเป็นปัญหาของผิวที่เสื่อมสภาพและมีอายุ

มาทำความเข้าใจกับผิวในช่วงแต่ละวัยกันก่อน?

เมื่อเรายังเด็กคุณจะสังเกตได้ว่าปัญหาเรื่องผิวของคุณแทบจะไม่เคยมีเลย แต่พอมีอายุมาขึ้นผิวก็เริ่มจะเสื่อมโทรมลงไปตามกาลเวลา ผิวขาดความยืดหยุ่นไปตามวัย จริง ๆ แล้วผิวของเราในแต่ละช่วงวัยมีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบแตกต่างกัน จะสังเกตได้ว่าวัยเด็ก ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เม็ดสีน้อย แต่การป้องกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ผิวจึงไวต่อแสงแดดและรังสี UV มาก แต่เมื่อเป็นวัยรุ่น เป็นช่วงวัยที่ผิวพรรณของเราได้พัฒนาอย่างเต็มที่ แต่ก็มักจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จึงเป็นสิวและผิวมีความมันได้ง่าย ลองมาทำความเข้าใจผิวในช่วงอายุที่แตกต่างกันกันดีกว่าว่าความแตกต่างแต่ละช่วงวัย มีผลอย่างไร แล้วจะมีการดูแลผิวอย่างไร

ช่วงอายุ 20+

20+ ปัญหาผิวจะเกิดตรงบริเวณชั้นผิวหนังแท้ โดยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังแท้ที่ทำให้ผิวหนังมีความเรียบตึง กระชับ และยืดหยุ่น เกิดการเสื่อมสลายไป มีการสร้างใหม่น้อยลง ผิวเริ่มมีริ้วรอยและเกิดความหย่อนคล้อย ผิวหน้าดูไม่สดใสเหมือนวัยรุ่นในช่วงอายุ 14-20 ปี อย่างเห็นได้ชัด

ช่วงอายุ 30+

30+ พอเข้าสู่เลข 3 ปัญหาในชั้นผิวหนังแท้เริ่มมีมากขึ้นเพราะคอลลาเจน และ อีลาสตินถูกทำลายมากขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับผิวชั้นนอกสุดหรือชั้นหนังกำพร้ามีการผลัดตัวช้าลง ทำให้ผิวดูขาดน้ำหยาบกร้านมากยิ่งขึ้น จึงเริ่มเห็นริ้วรอย ไขมันส่วนเกินและความหย่อนคล้อยได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ช่วงอายุ 40+

40+ มาถึงวัย 40 ชั้นผิวเริ่มอ่อนแอมากๆ ปัญหาผิวได้ลงลึกไปถึงชั้นไขมันโดยมีการเสื่อมสลายไป ไม่หนาแน่นเหมือนในวัยเด็ก ทำให้ผิวเกิดการยุบตัว หรือที่เราเรียกว่า Baby Fat หายไปนั่นเอง นอกจากนี้ SMAS หรือ เนื้อเยื่อพังผืดที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ ซึ่งทำหน้าที่โอบอุ้มผิวให้มีความกระชับได้รูป เริ่มเสื่อมสภาพและอ่อนแรง ทำให้การพยุงของชั้นผิวแย่ลง รูปหน้าจึงเริ่มหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัดกว่า ช่วงวัย 30+

ช่วงอายุ 50+

50+ พอเข้าสู่วัยนี้ ปัญหาผิวได้ลงลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ริ้วรอยยิ่งลึก ผิวหนังเริ่มบางลง รูปหน้าเริ่มเปลี่ยน เพราะมีการหย่อนคล้อยมาก โครงสร้างของใบหน้าอย่างกระดูกเกิดการยุบตัวลงตามธรรมชาติ ทำให้บางคนมีรูปหน้าไม่สมส่วน บางส่วนดูตอบ หรือดูบุ๋มลงไป

 

5 เหตุผลของการสูญเสีย “คอลลาเจน” สารสำคัญของผิวพรรณที่ทำให้ผิวหน้าอ่อนกว่าวัย

1.อายุที่เพิ่มขึ้นทุกวันและอายุการทำงานผลิตคอลลาเจนในร่างกาย
เงื่อนไขเวลาและอายุที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนก็ลดลงไปเช่นกัน จะสังเกตได้จากผิวเด็ก หรือผิวของคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี จะมีความยืดหยุ่นสูง เปล่งปลั่ง เต่งตึง ดึงแล้วเด้งกลับในทันที เมื่อเกิดบาดแผล แผลจะสมานตัวเร็ว เป็นเพราะว่าใต้ผิวหนังมีคอลลาเจนอยู่จำนวนมาก แต่เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงปีละ 1 % ยิ่งอายุมากขึ้นผิวก็จะยิ่งขาดความชุ่มชื้น ขาดความเต่งตึง จากนั้นจะค่อย ๆ เกิดริ้วรอย มีความเหี่ยวย่นต่าง ๆ การสมานตัวของแผลก็จะช้าลง พออายุย่างเข้าเลข 4 การสร้างคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเหลือเพียง 30% เท่านั้น

2.การพักผ่อน และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
การพักผ่อนที่ดี คือการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ในแต่ละวันเราควรนอนให้เพียงพอ หลับลึก และนอนให้ตรงเวลา หรือนอนในช่วงที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) นะคะ เพราะเมลาโทนินจะเป็นตัวนำให้ฮอร์โมนตัวอื่น ๆ เช่น โกรวท์ฮอร์โมน (Growth hormone) หรือฮอร์โมนที่คอยควบคุมการเจริญเติบโต เป็นฮอร์โมนต้านความชราที่่ร่างกายของเราผลิตได้เอาเอง ที่สามรรถช่วยเรื่องริ้วรอยได้

3.UVA และ UVB จากแสงแดด
ในแสงแดดจะมีรังสี UVA และ UVB อยู่นะคะ ซึ่งรังสีดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ โดยสารอนุมูลอิสระนี้ จะเข้าไปทำลายโปรตีนหรือคอลลาเจนภายใต้ผิว เราจะพบได้ว่าคนที่ทำงานที่ต้องออกกลางแจ้งบ่อย ๆ จะมีสภาพผิวที่แห้งเหี่ยว และผิวหยาบกร้านกว่าคนทั่วไป

4.มลพิษทางอากาศ และฝุ่นละออง
ในชีวิตประจำวัน เราต้องเดินทางแทบทุกวัน เราจึงหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศได้ยาก ซึ่งฝุ่นที่พูดถึงนี้ รวมถึงฝุ่นในอากาศ หรือโลหะหนัก ปรอท แคดเมียม อนุมูลเล็ก ๆ และสารอื่น ๆ ถ้าแพร่กระจายเข้าสู่อวัยวะภายในต่าง ๆ ของร่างกาย และสะสมในเซลล์ จะทำให้เกิดผลเสียต่อผิวตามมาอีกมากมายได้ค่ะ

5.การสูบบุหรี่สร้างความเสียหายให้แก่ผิว
การสูบบุหรี่จะทำให้คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เข้าไปแทนที่ออกซิเจน (Oxygen) ในผิวหนัง และสารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่จะเข้าไปขัดขวางระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เส้นเลือดตีบ จึงทำให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลง และคอยทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ผิวขาดความกระชับ เต่งตึง ผิวแห้ง ผิวไม่ชุ่มชื้น ผิวที่เคยเปล่งปลั่งกลับหมองคล้ำลง

วิธีแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและสลายไขมันส่วนเกินที่นิยมในปัจจุบัน มีวิธีใดบ้าง?

เราขอเสนอทางเลือกที่ดี ที่แก้ไขัญหาได้ตรงจุด แก้ไขความหย่อนคล้อย สลายไขมัน และกระตุ้นคลอลาเจน
ด้วยเครื่อง Hi-Fu

Hi-Fu คืออะไร?

ไฮฟู (HIFU) เป็นนวัตกรรมใหม่อีกทางเลือกหนึ่ง ให้กับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า สลายไขมันแต่กังวลในการใช้เข็มและการผ่าตัด เป็นการปล่อยพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง (High-Intensity Focused Ultrasound ) เข้าไปยังเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังระดับลึกชั้น SMAS ทำให้ผิวหนังหด และดึงตัว และเกิดการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ผลที่ได้จึงเป็นการดึงผิวหน้า ให้ผิวและใบหน้ายกกระชับ แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนั้น ยังช่วยการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก เพิ่มกระบวนการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวหน้าดูใสและเปล่งปลั่งเหมือนได้ผิวเกิดใหม่

ข้อดีของการทำ HIFU ?

  • ช่วยยกกระชับผิวหน้า ที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึง
  • สลายไขมันเฉพาะจุดบริเวณใบหน้าและลำคอ
  • ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักหน้า
  • ยกกระชับได้หลายจุด บนใบหน้า
  • ไม่เจ็บตัว ไม่ใช้เข็ม
  • ไม่มีบาดแผล เมื่อทำเสร็จแล้วสาวๆ ยังสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
  • เห็นผลหลังทำทันที ประมาณ 20-30 %
  • ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง

HIFU เหมาะกับใครบ้าง ?

  • เหมาะสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็มหรือการผ่าตัดแต่ต้องการปรับรูปหน้า
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับ สลายไขมันเฉพาะจุด
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับ ปรับหน้าเรียว โดยไม่อยากผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าไม่ได้สัดส่วน กรอบหน้าไม่ชัดเจน
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาบริเวณเหนียง
  • ผู้ที่ต้องการมีใบหน้าเนียน กรอบหน้าชัด
  • อยากมีใบหน้าที่กระจ่างใส อ่อนกว่าวัย
  • ผู้ที่มีริ้วรอยไม่มาก และต้องการลดเลือดริ้วรอย
แชร์บทความนี้